ระบบการเงิน
ประสิทธิภาพของระบบการเงินที่จะจัดแบ่งใหม่ของแหล่งทรัพยากรไปยังสภาพเศรษฐกิจที่มีอำนาจการผลิตสูงของอุตสาหกรรม, บริษัท หรือโครงการ บ่อยครั้งจะถูกพิจารณาเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสู่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี, นวัตกรรม, การเคลื่อนไหว และการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม สำหรับการเริ่มการให้บนทางเชื่อมระหว่างการให้บริการทางเงินที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในอนาคตของ R&D หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับการลงทุนที่ส่งผลต่อราคาของ Securities ต่างๆ ขบวนการจัดสรรสามารถให้ประโยชน์สูงสุดและทางเลือกของบริษัทระหว่างหนี้และ Equity Financing นั้นไม่สมเหตุสมผลกับข้อตกลงกับ Modigliani and Miller (1958) อย่างไรก็ตาม ตัวเนื้อหาอย่างขยายความของทฤษฎีได้ทำให้เชื่อใจโดยการแสดงถึงสภาวะล้มเหลวจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ เช่น R&D และความสมดุลของการปกป้องความรู้ของ Security Prices จากการถูกจับต้องได้ถ้าความล้มเหลวของตลาดผลักดันการเปลี่ยนแปลงของแหล่งที่มาต่างๆ ของโอกาสการเจริญเติบโตทางการเงิน คำอธิบายถึงโครงสร้างเงินทุนที่ทำให้บริษัทมีค่ามากที่สุดเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลกระทบถึงโอกาสการเจริญเติบโตจากจุดเล็กในเศรษฐกิจไปจนถึงจุดใหญ่ วัตถุประสงค์ในที่นี้คือการสำรวจความสัมพันธ์ของโครงสร้างเงินทุน โดยการเปรียบเทียบกับต้นแบบที่มีอยู่ของระบบทางการเงินไปถึงกระบวนการใช้แบบใหม่
ในปัจจุบันอเมริกาและอังกฤษคือตัวอย่างที่ดีที่สุดจากการสังเกตในระบบ ARM’S LENGTH SYSTEMS (ถือ Equity หรือตลาดเป็นสำคัญ) ในขณะที่สวีเดน หรือการเอาหนี้และธนาคาร (เป็นหลักสำคัญ) ใน ARM’S LENGTH SYSTEMS เป็นรูปแบบที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนทางการเงิน ได้แก่ พันธบัตร, หุ้น และรายได้ หลังหักค่าใช้จ่าย เงินกู้จากธนาคารใช้เฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ความแตกต่างระหว่าง Relation Based Systems ถูกจัดโดยเงินกู้จากธนาคารระยะยาวคือแหล่งเงินทุน ความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารใดธนาคารหนังกับบริษัทต่างๆ นั้น เท่านั้น เป็นความสัมพันธ์ระยะยาวและในความสัมพันธ์นั้น ความเสี่ยงของธนาคารลดลงเพราะระดับความรู้ของบริษัทที่มีโอกาสในอนาคตเมื่อเปรียบเทียบระหว่างสวีเดนกับอังกฤษ และอเมริกา แสดงให้เห็นว่าอังกฤษและอเมริกามี Equity Financing มากกว่าสวีเดนถึง 50-100% ขึ้นอยู่รูปแบบการประเมินในขณะที่สัดส่วนของหนี้ต่อการขายในสวีเดนนั้นมีมากที่สุด
ผลจากการสังเกตนั้นอ้างอิงมาจากกลุ่มข้อมูลของบริษัท จดทะเบียนในตลาดหุ้นสตอร์กโฮมปี 1991-1998 ปัจจัยปกติกำหนดโครงสร้างเงินทุนในบทความงานวิจัยนั้นไม่มีตัวตนและผลของ Regression นั้นถูกต้องเปรียบเทียบกับงานวิจัย 2 ชิ้นก่อนหน้านี้ (สำหรับบริษัทในอเมริกาและอังกฤษ และบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นของสวีเดน) ซึ่งใช้เทคนิคทางสถิติและคณิตศาสตร์เพื่อทดสอบทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ (Econometric) และกลุ่มข้อมูลใกล้เคียงกัน
จากการสังเกตการเข้าถึง คือ ความไม่อยู่นิ่งอย่างเฉพาะเจาะจงซึ่งอนุญาตสำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินทุนในเวลาต่างๆ ความผันผ่านของเวลาในการปรับเปลี่ยนนั้นไม่เหมือนกับการเข้าถึง (Approach) อย่างธรรมดาทั่วไปในการวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างเงินทุน ข้อได้เปรียบของรูปแบบที่ใช้คือมีความเป็นไปได้ที่จะแสดงตัวปัจจัยชี้ขาดของผลลัพธ์สุดสุดมากกว่าการเฝ้าสังเกตโครงสร้างเงินทุน ถ้าบริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่ไม่ใช่ที่ตั้งค่าไว้ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่มักไม่มีเป็นที่ยอมรับ) และถ้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินทุนอย่างช้าๆ จะสามารถตีความได้ว่าการชี้เฉพาะเจาะจงว่าความพยายามใดๆ ที่จะให้จุดที่น่าพอใจมากที่สุดนั้นเกี่ยวพันกับผลกำไรและราคา (ราคาภายนอกของเงินทุน = Cost of External Capital) ความแตกต่างของ Cost of External Capital แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างเงินทุนนั้นเกี่ยวข้องและสงผลสร้างการตัดสินใจในการลงทุน
รายงานฉบับนี้ คือ ก้าวแรกสู่การปิดกั้นช่องว่างในการวิเคราะห์ของเส้นทางทั้ง 3 ทางของบทความใน R&D (Research & Development) และความเปลี่ยนแปลงด้าน Technology ซึ่งเป็นสาเหตุของความไม่สมบูรณ์แบบในตลาดเงินทุน ความเกี่ยวพันระหว่างระบบการเงินและการเจริญเติบโตรวมถึงปัจจัยชี้ขาดของโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
โฟกัสในความไม่ลงรอยกันระหว่างการสังเกตและจุดที่น่าข้องใจที่สุดของโครงสร้างเงินทุน สิ่งที่เห็นหลักๆ คือ การใช้งานของโครงสร้างเงินทุนที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งจุดที่น่าพอใจที่สุด รวมถึงความเร็วที่ระดับที่สังเกตปรับตัวตามเป้าหมาย ซึ่งจะถูกกำหนดในลักษณะของบริษัทสิ่งที่ให้อีกอย่างคือ การเปรียบเทียบข้อมูลและความมั่นคงของผลลัพธ์ที่ได้มาจากประเทศต่างๆ และระบบการเงินที่ใช้วิธีการเดียวกัน
ความหมายหลักๆ คือ หนึ่งสังเกต Leverage ถ้าบ่อยครั้งแตกต่างกันจากเป้าหมายในทั้งในระบบ Equity และ Debt-Dominated
สอง มีความแตกต่างระหว่างประเทศอย่างมากมาย ที่จะเป็นตัวกำหนดโครงสร้างเงินทุนที่น่าพอใจที่สุด
สาม บริษัทในสวีเดนและอังกฤษหักเหมากจากจุดที่น่าพอใจของบริษัทในอเมริกา
สี่ ความเร็วที่มากขึ้นสู่เป้าหมาย สามารถสังเกตได้จาก Equity-Based System
ห้า ความเหมือนกันสามารถพบได้ทั้งในบริษัทขนาดเล็กและใหญ่ในสวีเดนเมื่อราคา Leverage ในตลาดสำหรับบริษัทในตลาดหุ้นเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทนอกตลาดหุ้นการทดสอบความอ่อนไหวแสดงว่าพลังในการอธิบายของรูปแบบเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อ Cost of Adjustment นั้นรวมตัวอยู่ในรูปแบบที่กำหนด
SECTION 2 : ที่มาของทฤษฎีและความสำคัญของหลักฐานที่แสดงอยู่ในตลาดที่ไม่สมบูรณ์
SECTION 3 : บรรยายข้อมูลและการใช้งานต่างๆ
SECTION 4 : รูปแบบของโครงสร้างเงินทุน
SECTION 5 : ผลลัพธ์
SECTION 6 : บทสรุปและคำจำกัดความ
CONCLUSION
ในรายงานนี้ ได้ตรวจสอบว่าบริษัทในระบบการเงินต่างๆ นั้นมีตัวแปรของโครงสร้างเงินทุนที่เหมือนกันในที่นี้ใช้ Methodological Approach ที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมานำมาประเมินข้อจำกัดและข้ออนุญาตในการปรับแต่งโครงสร้างเงินทุนผลการวิเคราะห์แสดงถึงความไม่คาดคิดที่มีมากของการทำงานและความแตกต่างข้ามประเทศในการตัดสินใจหรือกำหนดโครงสร้างเงินทุน ความเหมือนกันของอังกฤษและอเมริกาจะคำนึงถึง Equity-Based Dominated และการจัดการขนาดต่างๆ ของตลาดการเงินไม่ได้ส่งผลกระทบในรูแบบและการกำหนดโครงสร้างเงินทุน อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบระหว่างสวีเดนและอเมริการายงานฉบับนี้ได้จัดหาหลักฐานว่าขนาดของราคาการเงิน Supply ของ Equity และระบบที่แตกต่างของการเก็บภาษีให้ผลที่แตกต่างออกไปในพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำให้โครงสร้างเงินทุนมีจุดที่คุ้มทุนและน่าพอใจที่สุด
แม้ว่าบริษัทต่างๆ บ่อยครั้งจะไม่ได้ตกเป็นเป้าหมาย แต่การเบี่ยงเบนนั้นน้อยมากสำหรับบริษัทที่ขั้นอยู่กับ Equity มากๆ ของอเมริกา บริษัทเหล่านี้ก็ปรับตัวเร็วขึ้นเพื่อเข้าสู่โครงสร้างที่น่าพอใจที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่ขึ้นอยู่กับหนี้ในสวีเดน
สำหรับบริษัททั้งสองแบบในสวีเดนที่ถูกพิจารณา ส่วนใหญ่จะถูกจดทะเบียนในตลาดหุ้นโครงสร้าง อย่างเช่น Security และภาษี (เนื่องจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่าย) ถูกพบว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ Leverage เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันที่น่าแปลกใจเหตุผลที่สำคัญที่สุดของ Leverage ที่ถูกปรับตัวขึ้นในอเมริกา คือ โอกาสและความเป็นเอกลักษณ์ที่มีมาก แค่นี้ก็สามารถอธิบายถึงกฎข้อบังคับของการเงินในยุค 1990 ที่สนับสนุนบริษัทที่มี Leverage ต่ำๆ ที่มีอนาคตเติบโตที่จะให้กู้ยืม ในการแข่งขันกับธนาคารต่างๆ ความรู้ที่ได้มาจากคนวงในเกี่ยวกับค่าของหุ้นที่มีอยู่นั้นก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน นอกจากนี้ลางที่ดีของโอกาสการเจริญเติบโตและความเป็นเอกลักษณ์ในอเมริกานั้นจะเป็นตัวชี้ถึงสัญญาณที่แข็งแกร่งของโครงสร้างที่จับต้องไม่ได้อย่าง R&D และความรู้
จุดประสงค์ที่สำคัญของรายงานนี้ คือ การสำรวจประสิทธิภาพของระบบการเงินที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากเงินออมทรัพย์เป็นการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสำหรับเทคโนโลยี กำไรและการเจริญเติบโต บทความได้เน้นถึงความสำคัญของอนาคตการลงทุนในแง่มุมนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ความคิดใหม่ดูเหมือนง่ายขึ้นเมื่อจะกู้ยืมนอกอเมริกามากกว่านอกสวีเดน